ผ่านมาเกือบครึ่งทางแล้วสำหรับการแข่งขันยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก ซึ่งจากหลายสาย หลายกรุ๊ป หลายทีม ก็เริ่มมีตัวเต็งแต่ละทีมโผล่กันมาบ้างแล้ว ซึ่งงานนี้ทีมจากพรีเมียร์ลีกอย่าง เซลซี และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็ลงแข่งในรายการนี้ด้วย โดยเชลซีเอาชนะซัลซ์บวร์กมาได้แบบฉิวเฉียด 2-1 ในส่วนของแมนซิตี้ก็จบที่เจ๊าสกอร์กับดอร์ทมุนด์ ไป 0-0 ส่วนรายละเอียดเกี่ยวกับทีมอื่นๆนั้นมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย

ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก Group E

เรดบูลล์ (อดามู นาทีที่48) พบ เชลซี สกอร์ : 0-4 (โควาชิชนาทีที่ 23 และ ฮาเวิร์ตนาทีที่ 64) สกอร์ : 1-2

ตอนเปิดศึกมาทีมฝั่งเจ้าบ้านอย่างเชลซีได้โอกาสทำแต้มก่อน ในนาทีที่ 23 มาเตโอ โควาชิช ก็พาสิงห์บลูนำไป 1-0 ต่อมาทางฝั่งเรดบูลล์ก็ไม่น้อยน้อย อดามู สามารถทำประตูชัยตีตื้นเจ้าบ้านมาในนาทีที่ 48 เกมยังดำเนินต่อไปแบบนั้นจนในที่สุดฝั่งสิงห์บลูก็ได้ประตูที่สองจาก ฮาเวิร์ต ทำให้เชลซีผ่านเข้ารอบต่อไปทันที

ดินาโม ซาเกร็บ พบ เอซี มิลาน (กับเบียนาทีที่ 39,เลเอานาทีที่ 49,ชิรูนาทีที่ 59,ลูบิชิช/ดินาโมยิงเข้าประตูตัวเองนาทีที่ 69)

งานนี้ทีมเยือนอย่างเอซีมิลานก็ได้เฉิดฉายบนสนาม และจบสกอร์ไปด้วย 0-4 ทำให้ปิศาจแดงผ่านเข้ารอบไปด้วยการทำประตูจากกับเบียนาทีที่ 39 ต่อด้วยราฟาเอล เลเอานาทีที่ 49 เท่านั้นยังไม่พอฝั่งมิลานยังได้ยิงจุดโทษและทำให้ได้ประตูที่สามไปจากการยิงของ โอลิเวียร์ ชิรูห์ นาทีที่59 สุดท้ายก็ปิดประตูที่สี่ด้วยการที่ฝั่งซาเกร็บยิงเข้าประตูตัวเองของ ลูบิชิชในนาทีที่ 69

ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก Group F

แอร์เบ ไลป์ซิก (กวาดิโอลด์นาทีที 13 , เอ็นคุนคูนาทีที่ 18,แวร์เนอร์นาทีที่ 81) พบ เรอัล มาดริด (วินิซิอุสนาทีที่ 44 , โร้ดริโกนาทีที่ 90+3)สกอร์ 2-1

ราชันชุดขาวถึงแม้จะฟอร์มดีแค่ไหน ก็ยังพ่ายให้กับไลป์ซิกไปถึง 2 ประตู ในฐานะทีมเยือนที่บุกไปแล้วแพ้เจ้าบ้านงานนี้มีหนาว โดยเริ่มแรกเจ้าบ้านเป็นฝ่ายนำไปได้ก่อน จากการยิงของ กวาดิโอล์ด , เอ็นคุนคู และ แวร์เนอร์ 3-0 ก่อนที่ฝั่งของเรอัลมาดริดจะตามมายิงได้ที่หลังจากการยิงของ วินิซิอุส และ โร้ดริโก้ แต่ตามยังไงก็ไม่ทันจนทำให้สกอร์จบไปที่ 3-2 ในที่สุด

เซลติก (เกียดูมาคิสนาทีที่ 34) พบ ซัคตาร์ โดเนสก์ (มูดริดนาทีที่ 58) สกอร์ : 1-1

ฝั่งของเซลติคเกมนี้มีสกอร์เจ๊ากันกับซัลตาร์ 1-1 โดยเซลติดได้ประตูชัยจาก เกียคูมาคิส ก่อนที่ทีมเยือนอย่างซัคตาร์จะตีตื้นขึ้นมา 1 ประตูจากการยิงของ มีคาโล มูดริค ส่งผลให้การแข่งครั้งนี้แบ่งคะแนนกันไปฝั่งละหนึ่งแต้ม ส่งผลให้เซลติกยังไงก็รั้งบ๊วย แต่ส่วนชัคตาร์ยังต้องลุ้นทำคะแนนในรอบถัดไปอยู่

ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก Group G

โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ พบ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สกอร์ : 0-0

ถ้าหากสองคู่นี้ได้ไปเจอกันในพรีเมียร์ลีกคงจะมันส์น่าดู เพราะต่างฝ่ายต่างมีตัวทำคะแนนอย่าง เบลลิงแฮม และ ฮาลันด์ เป็นสตาร์อยู่ แต่ในรายการยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกนี้เป็นที่น่าเสียดายที่ถึงพวกเขาจะผลัดกันรุก และ รับมากเท่าไหร่ สกอร์ก็จบลงที่เจ๊ากัน 0-0 ทั้งสองฝ่าย แต่ยังไงตอนนี้แมนซิตี้ก็ได้ชื่อว่าเป็นจ่าฝูงของแชมเปี้ยนส์ลีกแล้ว ส่วนดอร์ทมุนด์ก็ลุ้นเข้า 16 ทีมสุดท้ายตามแมนซิตี้มา

เซบีญา (เนซิรีนาทีที่ 61 ,อิสโก้นาทีที่ 88 และ มอนเทลนาทีที่ 90+2 )พบ เอฟซี โคเปนเฮเก้น สกอร์ : 3-0

ทางฝั่งเจ้าบ้านอย่างเซบีญา ต้อนรับเอฟซีโคเปนเฮเก้นไปแบบเหนาะๆถึง 3-0 ประตู แต่ว่าเกมนี้เจ้าบ้านไม่ได้ยิงตอนครึ่งแรก แต่พวกเขายิงประตูทั้งสามประตูตอนครึ่งหลังหมดเลย โดยประตูแรกได้จากเนซิรีนาทีที่ 61 , อิสโก้นาทีที่ 88 และ ประตูสุดท้ายจากกอนซาโล มอนเทล นาทีที่ 90+2 ทำให้เจ้าบ้านการันตีที่ 3 ไปเล่นในยูโรปาลีกต่อ

ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก Group H

ปารีส แซงต์ แชร์กแมง พบ มัคคาบี ไฮฟา สกอร์ : 7-2

(เมสซีนาทีที่ 19 และ 44 , เอ็มปับเป้นาทีที่ 32และ64 , เนย์มาร์นาทีที่ 35 , โกลด์เบิร์ดฝั่งไฮฟาทำเข้าประตูตัวเองนาทีที่ 67,โชแลร์นาทีที่ 84 ) / (เซคนาทีที่ 38 และ 50)

เป็นการถล่มที่ดุเดือดคืนฟอร์มจริงๆสำหรับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมงที่ยิงประตูไปได้ถึง 7-2 ประตู งานนี้ไฮฟาถึงกับหน้าซีด แต่ก็ยังดีที่ทางไฮฟายังยิงประตูได้สองประตูจากเซคนาทีที่ 38 และ 50 ทำให้ทีมเมืองน้ำหอมของฝรั่งเศสเข้ารอบต่อไปแบบ 100% ส่วนทีมเยือนอย่างไฮฟายังต้องลุ้นอันดับสามในเกมนัดสุดท้ายต่อก่อน

เบนฟิก้า พบ ยูเวนตุส สกอร์ : 4-3 (ซิลวานาทีที่ 17 , มาริโอนาทีที่ 28 , ราฟานาทีที่ 35 และ 50 / คีนนาทีที่ 21 , มิลิคนาทีที่ 77 และ แมคเคนนีนาทีที่ 79)

เบนฟิก้าจบสกอร์ด้วย 4-3 ประตูทำให้พวกเขาได้ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายตามทีมน้ำหอมฝรั่งเศสไปติดๆ โดยสี่ประตูนี้เขาได้จากซิลวานาทีที่ 17 ต่อมาก็ได้มีโอกาสยิงจุดโทษในนาทีที่ 28 ของมาริโอ และประตูสุดท้ายจบด้วยราฟานาทีที่ 35 และ 50 ในส่วนของทีมเยือนอย่างยูเวนตุสก็ทำไปได้ 3 ประตูจาก มอย คีนยนาทีที่ 21 , อาร์คาดิอุซ มิลิคนาทีที่ 77 และประตูสุดท้ายจากเวสตัน แมคเคนนีในนาทีที่ 79

Similar Posts